สรุปวิธีการเซ็ตอัพลำโพง 2 แชนแนล

http://staff-p2.piyanas.com/images/20200415/p3cnyxik_x.jpg

สรุปวิธีการเซ็ตอัพลำโพง 2 แชนแนล
โดยน้าอ้อ

นิยามของการวางลำโพงมีไม่มาก ถ้าทำได้ก็จบ “ วางลำโพงใกล้ผนังหลัง ระยะห่างกันไม่มากนัก ดึงลำโพงขึ้นมาเรื่อยๆ จนเสียงความถี่ต่ำดีที่สุดในตำแหน่งที่นั่ง แยกลำโพงออกจากกันจนนักร้องยืน ทำเสียงร้องให้ได้โฟกัสเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ “

คงจะมีเพียงเท่านี้ ก็จะได้เสียงเพลงที่ไพเราะที่สุด เท่าที่ห้องและเครื่องเสียงที่มีอยู่ให้ได้ แต่ขั้นตอนในการกระทำนั้นมีมากมาย เราจะมาเริ่มกัน


1. อย่าแรก แบ่งห้องทางด้านกว้างออกเป็น 2 ส่วนเท่ากัน ใช้กระดาษกาวติดและลากเป็นเส้นตรง จากหน้าห้องถึงท้ายห้อง เป็นแนวกลางห้อง แนวเส้นนี้เราจะวางเก้าอี้สำหรับนั่งฟัง (ถ้าเป็นไปได้ เก้าอี้ควรจะเลื่อนไปข้างหน้า/ข้างหลังได้พอสมควร) เมื่อได้ตำแหน่งที่เห็นว่าเหมาะสมก็เอาเก้าอี้ไปวางตรงนั้นให้ได้กลางเส้นพอดี

http://staff-p2.piyanas.com/images/20200415/bkSRobdV_x.gif


2. เมื่อได้ตำแหน่งเก้าอี้แล้ว คราวนี้มาวางลำโพงกันบ้าง วางห่างผนังสัก 30 cm. หรือใกล้กว่านั้นก็ได้ และจากเส้นกลางห้องวัดออกไป ด้านซ้ายและด้านขวา ข้างและ 80 cm.  โดยปลายเส้นอยู่ที่กลางลำโพงพอดี ตอนนี้เท่ากับว่ากลางลำโพงตัวซ้ายห่างกับกลางลำโพงตัวขวา เท่ากับ 160 cm. พอดี (เท่ากับ วางลำโพงห่างกัน จากกลางตู้ด้านซ้ายถึงกลางตู้ด้านขวา=160 cm.)

http://staff-p2.piyanas.com/images/20200415/ugVpqQcN_x.jpg

การวางลำโพงถ้าเป็นลำโพงเล็ก วางขาตั้ง ให้ติดกาวดินน้ำมัน (ปั้นให้ได้ขนาดไม่เกินหัวไม้ขีด ติดสี่มุมของเพลท (Plate) แล้วค่อยวางลำโพงลงไป) ต้องใส่เดือยแหลม (Spike) ที่ขาตั้ง และที่ด้านล่างของลำโพงวางพื้นพร้อมใส่จานรองที่สามารถเลื่อนได้ทุกทิศทุกทาง เราจะไม่ใช้วิธียกลำโพงแล้ววาง เพราะความหนักของลำโพงเมื่อยกแล้ววาง จะไม่สามารถกำหนดตำแหน่งที่แน่นอนได้ ให้ใช้วิธีลาก (slide) ทั้งตัว



http://staff-p2.piyanas.com/images/20200415/gBoBZePu_x.jpg

3. เปิดเพลงที่มีความถี่ต่ำดีๆ (หรือบางท่านเรียกว่าเสียงเบสดีๆ) เช่น The greatest basso Vol.1  เพลงที่ 6 船歌 The Ballad on The Boat / Yim Hok-Man พลงที่ 1 Poem of chinese drum หรือ Jennifer Warnes เพลงที่ 8 Way down deep เป็นต้น เปิดเสียงให้ดังกว่าปกติอยู่บ้าง ให้เดินเข่าช้าๆจากผนังด้านหลังลำโพง จนไปสุดอีกด้าน (ตรงกลางหรือข้างซ้าย ข้างขวาก็ได้ตามสะดวก) ฟังความถี่ต่ำอย่างเดียว จะได้ยินความถี่ต่ำที่เปลี่ยนแปลงไปตามการเดินเข่านั้น จะมีเสียงความถี่ต่ำที่เบา ที่ด้าน ที่บวม ที่หนักแน่นที่ดี สลับกันไป ให้สังเกตให้ดี จะมีเสียงความถี่ต่ำที่ดีที่สุดอยู่ มีความหนักแน่น ทิ้งตัวได้ดี มีพลังไม่เก็บตัวห้วนเกินไป จำเสียงนี้ไว้ แล้วเราจะไปเลื่อนลำโพง ให้ได้เสียงความถี่ต่ำนั้น ในตำแหน่งที่นั่ง


4. คราวนี้กลับมานั่งที่ที่นั่ง ที่เรากำหนดไว้ เปิดเพลงที่เราใช้ในขั้นตอนที่ 3 ว่าเสียงความถี่ต่ำเป็นอย่างไร โดยไม่ต้องสนใจย่านความถี่อื่น (เสียงอื่นๆที่ไม่ใช่เสียงต่ำ) ว่าเหมือนกับที่เราจำได้ว่าดีที่สุดในความถี่ต่ำไหม ถ้าไม่ใช่ก็เปลี่ยนตำแหน่งของลำโพงไม่ใช้ตรงนั้น ดึงลำโพงเป็นเส้นตรงขึ้นทีละประมาณ 5 cm.(ถ้าไม่มั่นใจให้ลากกระดาษกาวเป็นเส้นตรงขึ้นมาทั้งสองข้าง ประมาณ 1/3 ของห้อง)

จนกว่าจะรู้สึกว่าความถี่ต่ำนั้นดี ให้มาร์คต่ำแหน่งนั้นไว้แล้วมาดึงต่อถ้าพบว่ามีตำแหน่งเสียงต่ำที่ดีอีก ก็มาร์คตำแหน่งไว้อีก แล้วก็มาดึงต่อถ้ามีตำแหน่งเสียงต่ำที่ดีอีกก็มาร์คไว้อีก ดึงจนกว่าจะมีความรู้สึกว่าลำโพงใกล้ที่นั่งมากไปแล้วก็หยุด

http://staff-p2.piyanas.com/images/20200415/tDloSZ6z_x.gif


5. คราวนี้ สมมุติว่าเรามีตำแหน่งที่มาร์คไว้ 3 ตำแหน่งไม่มั่นใจว่าตำแหน่งไหนเสียงความถี่ต่ำดีที่สุด ให้เลื่อนกลับไปฟังใหม่ทั้ง 3 ตำแหน่งนั้น จนแน่ใจว่าตรงไหนเสียงดีที่สุดให้ใช้ตำแหน่งนั้น


6. มาตรวจสอบอีกที ว่าตำแหน่งของลำโพงขณะนี้ได้เสียงย่านต่ำที่ดีที่สุดจริงๆหรือยัง โดยเปิดเพลงแล้วค่อยๆเลื่อนตัว (ชะโงกตัว) ไปข้างหน้าที่ละน้อย ถ้าความถี่ต่ำดีขึ้นก็เท่ากับว่า ลำโพงต้องดึงขึ้นมาอีกสักหน่อย หรือเลื่อนเก้าอี้เข้าไปหาลำโพงมากขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าเราถอยหลังกดตัวให้จมกับเก้าอี้มากขึ้น หรือเลื่อนเก้าอี้ถอยหลังไปสักเล็กน้อยปรากฏว่าเสียงย่านต่ำดีขึ้น ก็เท่ากับว่าลำโพงต้องการถอยหลังลงไปหรือเลื่อนเก้าอี้ให้ไกลขึ้นสักเล็กน้อย ยังมีอีกอย่างหนึ่ง ถ้าเราทำทุกอย่าแล้วแต่ก็ยังมีความรู้สึกว่าย่านต่ำยังไม่ดีพอ กำลังจะลุกยืนยกตัวสูงขึ้น ทำไมความถี่ต่ำดีจริง ก็เท่ากับว่า เราต้องการให้ลำโพงเตี้ยลง หรือต้องใช้เก้าอี้ที่สูงขึ้น และในทางกลับกันอีกเช่นกันถ้าเราทำตัวให้ต่ำลงหรือไถลตัวลงให้เตี้ยลงแล้วเสียงย่านต่ำดีขึ้น เท่ากับว่าเราต้องการลำโพงสูงขึ้น อาจจะปรับเดือยแหลมให้สูงขึ้น หรือหาเก้าอี้ตัวที่เตี้ยลงมาใช้งาน เมื่อแน่ใจจริงๆแล้วว่า ความถี่ย่านต่ำดีที่สุดแล้ว สังเกตว่าลำโพงข้างไหนให้ความถี่ต่ำดีกว่ากัน เอาด้านนั้นเป็นหลัก วัดระยะความลึกจากลำโพงถึงผนังด้านหลังให้เท่ากันทั้งสองข้าง เท่ากับตอนนี้เราได้ความถี่ย่านต่ำดีที่สุดแล้ว (ความถี่ต่ำ จะมีผลการเปลี่ยนแปลงต่อการดึงลำโพงขึ้น/ลง มากกว่าการแยกออกซ้าย/ขวา) ต่อไปเราจะมาทำย่านความถี่กลางและสูงต่อไป



http://staff-p2.piyanas.com/images/20200415/PANAORT6_x.jpg


7. ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนเพลงกันซะที หาเพลงร้องที่บันทึกดีๆ และแน่ใจว่านักร้องต้องอยู่ตรงกลางพอดี หามาร์คกลมๆ ไปแปะตรงกลางผนังในระดับสายตา (ตรงนี้ให้ถือว่าเป็นตำแหน่งของเสียงร้องที่ออกจากปาก) ถ้ามีทีวีอยู่เป็นไปได้ให้หาผ้าคลุมทีวี แล้วเอามาร์คกลมๆ แปะไว้เช่นเดียวกัน (มาร์คอันนี้เป็นจุดสังเกตของเสียงร้องที่ออกจากปาก) เพลงที่ใช้ เช่น

http://staff-p2.piyanas.com/images/20200415/x7FdQ4mN_x.jpg

Holly Cole Trio อัลบั้ม Don’t Smoke In Bed

  • เพลงที่ 5.The Tennessee Weltz
  • เพลงที่ 9.Je Ne T’Aime Pas
  • เพลงที่ 11.Que Sera Sera

Jennifer Warnes อัลบั้ม The Hunter

  • เพลงที่ 7.Lights of Louisianne

Amanda McBroom อัลบั้ม Dreaming

  • เพลงที่ 3.The Rose

เพลงของ Yao Si Ting แทบทุกอัลบั้ม เพลงไทย ของคุณโจโปสเตอร์ อัลบั้ม อภิรมย์ 1,อภิรมย์ 2 เป็นต้น


8. เปิดเพลงร้องที่เตรียมไว้ ใช้ความดังปกติที่ฟัง ไม่ต้องดังเหมือนตอนที่ฟังความถี่ต่ำ ขณะนี้เสียงร้องและเสียงดนตรีต่างๆ จะอยู่ในระดับต่ำกว่าลำโพง หรืออยู่ในความสูงระดับลำโพงเท่านั้น เสียงโดยรวมจะกระจุกตัวอยู่ระหว่างลำโพง เสียงร้องก็จะต่ำกว่ามาร์คที่เราทำไว้ ค่อยๆดึงลำโพงแยกออกจากกัน ทีละประมาณ 5 cm. เท่ากับประมาณข้างละ 2.5 cm. ลืมไป ก่อนที่จะดึงลำโพงแยกออกจากกัน ให้ลากกระดาษกาวเป็นเส้นตรงหน้าลำโพง (หน้าขาตั้ง) จากสุดห้องด้านซ้ายไปสุดห้องด้านขวา เป็นเส้นแนวระนาบสำหรับดึงลำโพง เพื่อที่ความห่างจากผนังหลังจะได้เท่ากันตลอดเวลา

http://staff-p2.piyanas.com/images/20200415/tDloSZ6z_x.gif

มาทบทวนกันหน่อย ขณะนี้เราดึงลำโพงออกจากผนังหลังได้เสียงความถี่ต่ำที่ดีที่สุดในตำแหน่งนั่ง ลำโพงอยู่ในลักษณะหน้าตรง กลางตู้ถึงกลางตู้ห่างกัน 160 cm. ต้องแน่ใจจริงๆว่า เมื่อชะโงกหน้า ถอยหลัง ทำตัวสูงขึ้นหรือต่ำลงบ้างแล้วเสียงความถี่ต่ำไม่ดีขึ้น เท่ากับนั่งปกติได้ความถี่ต่ำที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ

กลับเข้าเรื่องการดึงลำโพงอีกที จากที่ตั้งไว้ห่างกัน 160 cm. แยกออกจากกันเป็น 165,170,175,180,185,190,200,210,220 cm. เรื่อยๆไป ในช่วงการดึงลำโพงแรกๆ เราจะค่อยๆรู้สึกได้ว่า เสียงของนักร้องเริ่มลอยสูงขึ้น เสียงดนตรีเริ่มแยกจากกัน ดึงไปเรื่อยจนรู้สึกได้ว่าเสียงร้องของนักร้อง อยู่ตรงจุดมาร์คพอดี (แคบไปเสียงของนักร้องก็จะต่ำต้องก้มหน้าฟัง กว้างไปเสียงนักร้องก็สูงเกินไปต้องเงยหน้าฟัง ก็ไม่ถูกอีก ถ้าฟังไม่ออก แยกกันมากไปอีกรูปวง ก็จะเสียไป จะได้ยินเสียงออกจากลำโพงข้างใครข้างมัน การที่จะได้เสียงที่หลุดตู้ก็จะหายไปด้วย) ขณะนี้เท่ากับว่าเราได้เสียงย่านกลาง/สูงดีพอสมควร ถ้าไม่คิดมากเพลงก็จะมีความไพเราะที่ดีพอสมควร 80-85% ของเสียงน่าจะได้อยู่


http://staff-p2.piyanas.com/images/20200415/QmxlXnzj_x.jpg

9. มาถึงขั้นตอนที่จะทำให้ดีขึ้นมากกว่าเดิม คงต้องใช้สมาธิและความตั้งใจในการมองเห็นเสียงให้มากขึ้น ถึงตอนนี้แม้จะได้เสียงที่ไพเราะพอสมควรแต่ถ้าสังเกตให้ดีจะรู้สึกว่าเสียงร้องมันใหญ่ โฟกัสไม่เล็กมวลของเสียงยังไม่เข้มข้นนัก เพราะเราแยกลำโพงออกจากกันทีละมากพอสมควร ลองขยับลำโพงเข้าหากันและออกจากันทีละน้อยสักไม่เกิน 0.5cm.(5mm) สังเกตดูว่าขยับไปทางด้านไหนแล้ว โพกัสของเสียงเล็กลง ก็ขยับไปด้านนั้นเป็น มิลลิเมตร จนกว่าเสียงร้องจะเล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ แต่ส่วนมากเมื่อได้ไฟกัสที่ชัดแล้วมักจะไม่อยู่ตรงกลางพอดี มักจะเยื้องไปทางซ้ายหรือทางขวาไปบ้าง หรือเสียงร้องอยู่ตรงกลางแต่รู้สึกว่าไม่ได้ร้องตรงๆออกไป เหมือนร้องออกไปทางซ้ายหรือทางขวา หรือ รู้สึกว่านักร้องเอียงคอร้อง ถ้าเกิดลักษณะนี้ เท่ากับเสียงร้องยังไม่ได้โฟกัสที่ถูกต้อง เวทีเสียงก็จะเสียไปด้วยเช่นกัน ถ้านักร้องไปทางซ้ายเวทีเสียงก็ต้องหนักไปทางซ้ายด้วย

ถ้าไปทางขวาเวทีเสียงก็ต้องเทไปทางขวาเช่นกัน  ถ้าเสียงร้องตรงกลางแต่รู้สึกว่าร้องไม่ตรงบิดไปทางซ้ายหรือขวา เวทีเสียงก็จะต้องบิดไปตามเสียงร้องนั้น = เสียงด้านหนึ่งจะล้ำหน้าขึ้นอีกด้านหนึ่งถอยหลังลงไป  อีกแบบหนึ่งเสียงร้องอยู่ตรงกลาง แต่รู้สึกว่าเหมือนเอียงคอ (เอียงศีรษะ) ร้อง รูปแบบของเวทีเสียงจะต้องด้านหนึ่งสูงขึ้นและอีกด้านจะต้องต่ำลง ทั้ง 3 แบบ จะทำให้รูปแบบของเสียงและเวทีเสียงเสียไป ต้องทำให้เสียงร้องอยู่ตรงกลางตำแหน่งมาร์คพอดี มีลักษณะคล้ายเสียงที่ร้องออกจากปาก เป็นรูป รูปไข่ที่ไม่ใหญ่นักแล้วค่อยๆใหญ่ขึ้น (จากเล็กแล้วไปใหญ่)   มีมวลของเสียงตรงกลางที่เข้มข้นเท่ากันทั้ง ซ้าย,ขวา,บน,ล่าง


10. ลองนึกดูเราจะแก้ไขเสียงร้องที่ไม่อยู่ตรงกลางหรือเสียงร้องบิดได้อย่างไร ถ้าเสียงร้องหนักไปทางซ้าย  ก็ดันลำโพงข้างซ้ายเข้ามาด้านในสักหน่อย ดึงลำโพงด้านขวาออกไปมากขึ้น ดันลำโพงด้านซ้ายลงเข้าไปหาผนังหลังสักนิด ดึงลำโพงข้างขวาขึ้นมาอีกหน่อย ทำอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทำรวมๆกันเสียงร้องก็น่าจะกลับมาอยู่ตรงกลางได้ ถ้าเสียงร้องเบี่ยงขวาหรือบิดไปทางขวา ก็ทำตรงข้ามกันกับด้านซ้าย วิธีสังเกตอีกวิธีหนึ่ง เมื่อนั่งที่เก้าอี้ฟังเสียงโดยรวม มีความรู้สึกได้ว่าเสียงร้องและเสียงดนตรี หนักไปข้างใดข้างหนึ่ง เช่นเสียงร้องเบี่ยงซ้าย ดนตรีด้านขวาก็จะเบาลงหรือเบี่ยงมาทางด้านซ้ายมากขึ้น  ลองขยับ (เบี่ยงตัว) ตัวไปทางซ้าย/ขวาทีละน้อย สังเกตเสียงร้องว่าเมื่อขยับตัวไปด้านไหนแล้วเสียงร้องกลับไปอยู่ตรงกลางมาร์ค เช่นขยับตัว(เบี่ยงตัว)ไปทางขวาเสียงร้องกลับมาอยู่ตรงกลาง เท่ากับว่า เราขยับตัวใกล้ลำโพงด้านขวามากขึ้นเสียงถึงจะกลับมาสู่ตรงกลางมาร์ค เท่ากับว่าเมื่อเรานั่งปกติ เราจะต้องดึงลำโพงขางขวาเข้ามาด้านในเวทีเสียงมากขึ้น หรือดึงลำโพงด้านซ้ายเข้าหาผนังด้านซ้ายมากขึ้น (หรือเท่ากับว่าลำโพงด้านขวาต้องใกล้เรามากขึ้น หรือลำโพงด้านซ้ายต้องไกลเรามากขึ้น) หรือถ้าขยับด้านใดด้านหนึ่ง แล้วดูเหมือนลำโพงไม่สมดุลกับสายตา(มันเบี้ยวไปด้านใดด้านหนึ่งชัดเจนเกินไป) ก็ดึงขวาเข้าหน่อยดึงซ้ายออกนิด ก็อาจจะทำเสียงร้องและดนตรีสมดุลได้ทั้งซ้าย/ขวา ในทางกลับกัน ถ้าเราขยับตัวไปทางซ้ายแล้วเสียงร้องกลับไปตรงกลางมาร์ค ก็ทำเหมือนกัน แต่กลับข้างกัน อีกวิธีหนึ่ง ลองเอียงศีรษะช้าๆโดยเอาหูข้างขวาบิดเข้าหาลำโพงด้านขวา สังเกตเสียงร้องว่ากลับไปอยู่ตรงกลางมาร์คไหม ถ้าเสียงร้องยิ่งเบี่ยงออกไปมากขึ้น ก็ลองเปลี่ยนข้างเป็นด้านซ้าย จะรู้สึกได้ว่าเสียงร้องกลับมาอยู่ที่กลางมาร์ค เท่ากับว่าหูด้านซ้ายใกล้กับลำโพงด้านซ้ายมากขึ้น=ดึงลำโพงด้านซ้ายขึ้นมาหาที่นั่งให้ใกล้มากขึ้นหรือดันลำโพงด้านขวาลงหาผนังให้ไกลอีกสักนิด แต่ถ้าทำแล้วกลับได้เสียงร้องที่เบี่ยงมากขึ้นก็ให้ทำตรงกันข้าม ทั้งหมดที่เขียนมาเป็นการเบี่ยงและบิดในด้านกว้างซ้าย/ขวา

http://staff-p2.piyanas.com/images/20200415/M3meMTAr_x.jpg

คราวนี้มาลองดูทางด้านสูงและต่ำบ้าง ถ้ารู้สึกว่าเสียงร้องบิดในลักษณะเอียงด้านหนึ่งสูงด้านหนึ่งต่ำ ลองเอียงศีรษะโดยการยกหูด้านซ้าย/ขวาขึ้นสลับกันช้าๆ สังเกตว่าการเอียงหูขึ้นด้านไหนแล้วเสียงร้องกับเสียงดนตรีเลื่อนกลับมาได้สมดุลดีขึ้นหรือไม่ ถ้าดีขึ้นเช่นเอียงศีรษะด้านซ้าย(หูซ้าย)ขึ้นแล้วเสียงร้องและสมดุลเสียงดีขึ้น ให้ยกลำ
โพงด้านตรงข้ามขึ้น(ข้างขวา) โดยการปรับเดือยแหลม(spike)ให้สูงขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าเอียงศีรษะด้านขวาขึ้น(หูขวา)แล้วเสียงร้องและสมดุลเสียงดีขึ้น ก็ปรับลำโพงด้านซ้ายขึ้น การปรับทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ได้ปรับมากนัก ดันเข้า ดึงออก ดันลง ดึงขึ้น ส่วนมากเป็นมิลลิเมตร ไม่เกิน 1เซนติเมตร การปรับเดือยแหลม(spike)ส่วนใหญ่ก็จะไม่ค่อยเกิน1รอบ  วิธีที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นพื้นฐานของการปรับให้ย่านความถี่กลางและความถี่สูงให้เกิดสมดุลกันมากที่สุด เมื่อลำโพงทั้งสองข้างทำให้เกิดเสียงร้องที่คมชัดอยู่ตรงกลางเวทีในระดับสายตา เท่ากับลำโพงทั้งสองข้างมีความดังและการขยับของลำโพงที่เหมือนกัน(ไม่เกิดการหักล้างกันของความถี่) เพราะฉะนั้นในขณะนี้เราได้เสียงย่านต่ำที่ดีจากการดึงลำโพงออกจากผนังหลัง ได้ย่านความถี่กลางและความถี่สูงจากการแยกลำโพงออกจากกันจนนักร้องยืน ทำเสียงร้องให้อยู่ตรงกลางมาร์คและได้โฟกัสที่เล็กที่สุดแล้ว ก็จะได้สมดุลเสียงที่ดี เวทีเสียงที่ดี ตำแหน่งของดนตรีที่ถูกต้อง เท่าที่ชุดเครื่องเสียงและห้องนั้นๆให้ได้ กับลำโพงที่วางหน้าตรง


11. ถ้ายังรู้สึกว่าเสียงโดยรวมยังหนวกหูเกินไป ความชัดของตัวเสียงไม่เพียงพอ รูปวงด้านกว้างยังแคบไป อาจจะเกิดขึ้นได้หลายกรณี เช่นห้องโดยรวมแข็งเกินไป เกิดการสะท้อนมากเกินไป หรือห้องค่อนข้างเล็ก ลำโพงใกล้ผนังด้านข้างมากไป เกิดเสียงสะท้อนขึ้นเร็วพอๆกับเสียงตรง เปิดดังขึ้นมากหน่อยจะรู้สึกว่าหนวกหู เราก็ค่อยๆบิดหน้าลำโพงเข้าหากัน (Toe in) เสียงก้องสะท้อนจะน้อยลง ความชัดเจนของตัวเสียงจะมากขึ้น วงด้านกว้างจะกว้างออก ด้านใน อาจจะบีบตัวเข้าหากันอีกนิดหน่อย เสียงร้องจะชัดขึ้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่า การ(Toe in)นั้นมากจนเกินไป ให้สังเกตที่เสียงร้อง โดยปกติเสียงร้องจะได้โฟกัสคล้ายรูปไข่ด้านนอนเกือบกลม ถ้า Toe in มากไปจะกลายเป็นเสียงที่เรียวลงแบบนี้ () เท่ากับ Toe in มากเกินไป (รูปปากของเราไม่ได้ตั้ง รูปปากของเราเป็นรูปนอน) ในบางกรณีการที่ Toe in เข้ามา ทำให้เวทีเสียงเงียบลง เสียงร้องและดนตรีชัดเจนขึ้น รูปของเวทีจะสมส่วนขึ้น แต่เสียงโดยรวมทั้งหมดจะต่ำลง ทำให้เสียงของนักร้องต่ำลงจากจุดที่มาร์คไว้ ก็ให้ค่อยๆดึงลำโพงแยกออกจากกันทีละน้อยโดยยังToe inอยู่ จนกว่าเสียงร้องจะขึ้นไปอยู่ตรงจุดมาร์คพอดี เอาระดับน้ำมาปรับให้ลำโพงขนานกับพื้นโลก เพื่อให้ดอกลำโพงขยับตรงที่สุด


12. กลับมานั่งฟังอย่างจริงจังอีกครั้ง ว่าเสียงความถี่ต่ำเปลี่ยนไปหรือไม่ ถ้าเปลี่ยนก็ขยับขึ้นลงอีกสักนิดให้ดีที่สุด ตรวจสอบเสียงร้องว่ายังอยู่ตรงกลางมาร์คและได้สมดุลหรือไม่ มวลของเสียงเข้มไปหรือไม่ ถ้าไม่สมดุลก็ขยับลำโพง เข้า ออก ลง ขึ้น สูง ต่ำ อีกนิดหน่อยจนได้สมดุลของมวลเสียงร้อง ถ้ามวลเสียงร้องเข้มไป หรือรู้สึกว่าเสียงโดยรวมตึงไป ก็ให้แยกลำโพงออกจากกันสักนิด เมี่อมาถึงจุดนี้ ลำโพงทั้ง2ข้างก็จะได้ความสมดุลของเสียง ทั้งย่านต่ำ ย่านกลาง ย่านสูง ไม่มีเสียงใดล้ำหน้ากัน เมื่อเสียงนักร้องถูกต้อง และอยู่ตรงกลาง ตำแหน่งต่างๆ ของเสียงดนตรีในเวทีเสียงก็ย่อมถูกต้องด้วย เวทีเสียงก็จะได้ดีที่สุดเท่าที่เครื่องเสียงและห้องจะให้ได้ด้วยเช่นกัน หัวเสียง แรงปะทะ ความต่อเนื่องผ่อนหนักเบาของเสียงจะเกิดโดยอัตโนมัติ ลืมไปจานรองSpike ถ้าไม่ชอบจานรองนี้ ก็เอาออกโดยอย่าให้ลำโพงเคลื่อนที่แล้วหมุนSpikeชดเชยความสูงของจานรองด้วย วิธีขยับลำโพงละฟังแบบนี้น่าจะใช้กับห้องได้ทุกแบบ แม้นห้องจะมีสัดส่วนที่ไม่เท่ากัน แต่เมื่อเสียงเบสได้ดี เสียงร้องชัดเจน ก็เป็นความสุขของนักฟังในระดับน่าพอใจ และทำให้ได้ทราบว่า ระบบที่เรามีอยู่ทำได้ดีขนาดนี้เท่านั้น เราจะเปลี่ยนอะไรต่อไป จะได้ไม่หลงทาง............................................

 

วิธีการชำระเงิน