Hometheater Guideline
วันที่ : 20/05/2017

Hometheater Guideline

สำหรับท่านที่กำลังมองหาชุด Hometheater สักชุด ไว้เป็นแหล่งศูนย์รวมความบันเทิงภายในบ้านและยังคงไม่แน่ใจในแนวทางของตัว เอง วันนี้ผมมี Guideline ดีๆมานำเสนอให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ โดยขึ้นชื่อว่าเป็น Hometheater นั้น โดยพื้นฐานก็จะต้องประกอบไปด้วย AV Receiver 1 เครื่อง + ชุดลำโพง และ ซับวูฟเฟอร์ อย่างน้อย ก็ 5.1 แชนแนล + เครื่องเล่น Bluray ดีๆสัก 1 เครื่อง เพียงเท่านี้ ก็สามารถดูหนัง ฟังเพลง และเล่นเกมส์ในระบบ มัลติแชนแนลได้แล้วล่ะครับ

หากเพียงแต่ว่า Receiver ยี่ห้ออะไร เข้าคู่กับลำโพงยี่ห้อไหน ถึงจะได้โทนเสียงหรือแนวเสียงที่คุณต้องการ ในส่วนนี้ล่ะครับ ที่ผมจะนำเสนอให้เป็นทางเลือกประกอบการตัดสินใจ รวมไปถึง เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่จะช่วยให้คุณรีดเค้น ศักยภาพของชุด Hometheater ของคุณได้อย่างถึงแก่นเลยทีเดียว

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมว่าเราเริ่มกันเลยดีกว่าครับ

ชุดที่ 1 : ชุดง่ายๆ สบายกระเป๋า สำหรับนักเล่นมือใหม่

  • Yamaha RX-V475 + Jamo S606 HCS3
  • อัตราส่วนดูหนัง และ ฟังเพลง (60 : 40)


ชุดนี้นับ ได้ว่าเป็นชุดที่น่าสนใจมากๆ หากเทียบชื่อชั้น ทั้ง AV Receiver และ ลำโพง นี่ยังไม่รวมราคาที่คุ้มค่าอย่างน่าใจหาย เนื่องจากอะไรน่ะหรือครับ ท่านลองเปิด google แล้วลองเสิร์ชหา ราคาของเจ้า Jamo S606 HCS3 นี่ดูสิครับว่า ราคาค่าตัวในต่างประเทศนั้นอยู่ที่เท่าไหร่ แล้วท่านจะตกใจพร้อมทั้งอุทานเบาๆ ให้พอน่ารักน่าหยิกว่า แม่เจ้า แล้วบ้านเราเจ้าชุดนี้ ขายที่ราคา 2x,xxx บาทได้อย่างไร ก็นั่นน่ะสิครับ เพราะว่าตั้งแต่ดั้งเดิมที่ทางผู้นำเข้ามาคุยกับผม เขาได้เสนอราคาขายถึงมือผู้บริโภคบ้านเราอยู่ที่สามหมื่นกลางๆ แต่ผมก็ได้นำเสนอไปว่า ราคาที่เหมาะสมนั้น น่าจะอยู่ที่ สองหมื่นต้นๆ เท่านั้นล่ะครับ และคาดว่า ถ้าราคานี้ น่าจะโดนใจนักเล่นบ้านเรา ซึ่งทำให้ Volume ในการต่อรองเมืองนอกมีมากขึ้น จะลองทำตลาดดูไหม ผมสรุปคือ ทางผู้นำเข้ายินดีลองทำตลาดในราคานี้ดู ซึ่งผลลัพธ์ น่ะเหรอครับ ไม่อยากจะบอกเลยว่า ขึ้นทำเนียบ ลำโพงยอดนิยม และ คุ้มค่าที่สุดคลอดกาลเลยก็ว่าได้


แล้วเจ้าลำโพงชุดนี้มันมีดีอะไรกันบ้าง...................

Jamo S606 HCS3 นั้นเป็นลำโพง 5 แชนแนล ประกอบไปด้วย คู่หน้า รุ่น S606 , คู่หลัง รุ่น S602 และ เซ็นเตอร์รุ่น S60 CEN โดยที่จุดเด่นอยู่ที่เจ้าคู่หน้า ขนาดใหญ่ยักษ์ หน้าตาดูดีมีชาติตระกูล มาพร้อมกับ Woofer ด้านข้างตู้ ซึ่งส่งผลให้มีความครบเครื่องในเรื่องของความถี่ต่ำ ในการดูหนังและฟังเพลง และที่สำคัญก็คือ ฟังเพลงคู่หน้าอย่างเดียวนี่ เบสก็เหลือรับประทานละครับ ส่วนลำโพง เซ็นเตอร์และเซอร์ราวนด์ นั้นก็ถือว่าขนาดกำลังดีสมฐานะ ช่วยเติมเต็มความเป็น มัลติแชนแนลได้อย่างลงตัว

เมื่อได้นำมาใช้งาน คู่กับ Receiver YAMAHA ก็ถือได้ว่าเป็นมวยถูกคู่ครับ ซึ่งโดยพื้นฐานนั้น แอมป์ YAMAHA ถือได้ว่า เป็นเจ้าตลาด และมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องในเรื่องของการนำเสนอระบบเสียงรอบทิศทาง (ท่านใดจำกันได้ว่า AV Receiver เจ้าแรกๆ ก็คือ YAMAHA และ Pioneer นี่ล่ะครับ) นอกจากนี้ แอมป์ YAMAHA เองยังขึ้นชื่อได้ว่า เป็นแอมป์นิสัยดี คือ เข้ากับลำโพงได้หลากหลายยี่ห้อ และโอกาสที่จะไม่ถูกกับเจ้าอื่นนั้น ค่อนข้างน้อย ทำให้ท่านใดที่สนใจเจ้า AV YAMAHA อยู่ มีแนวทางในการเลือกสรรลำโพงได้มากยิ่งขึ้น

YAMAHA RX-V475 นั้นเป็นแอมป์ระดับเริ่มต้น มีกำลังขับ พอประมาณ สามารถใช้งานในห้องขนาดกำลังดีไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป (ประมาณ 3x4 หรือ 4x5M) ถ้า ณ จุดนี้ แอมป์จะแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ แต่หากพื้นที่คุณมากกว่านี่ อาจจะต้องขยับรุ่นของแอมป์ขึ้นไปสักรุ่นหรือสองรุ่นครับ เมื่อทั้งสองแบรนด์นี้มาบรรจบกัน ด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นละมุน ของลำโพง JAMO ผสานกับรายละเอียดที่พรั่งพรูของ YAMAHA ทำให้ชุดนี้มีความน่าฟังและลงตัว อย่างที่สุด เรียกได้ว่า เป็นศูนย์กลางความบันเทิงภายในบ้านได้อย่างสบายๆ ทั้งดูหนัง และ ฟังเพลง หรือในอนาคต จะหา คาราโอเกะมาร้องเล่นเพิ่มเติมก็ทำได้ดีอย่างไม่ต้องสงสัย

Recommendation

  1. หากคุณคิดว่าลำโพงคู่หลังเล็กเกินไป ในอนาคต ก็สามารถอัพเกรดขึ้นไปเป็น JAMO S-604 ได้เลยครับ ราคาต่างจากเดิมนิดหน่อย
  2. ขาตั้งลำโพง surround แนะนำให้ลองใช้งาน Lovan Affinity 34” ครับ เพื่อความสมบูรณ์แบบของเสียงเอฟเฟคต่างๆ
  3. เครื่องกรองไฟ เบื้องต้นแนะนำให้มี อย่างน้อย Magnet Isoclean – 500 ครับ ช่วยในเรื่องของความปลอดภัยและคุณภาพของภาพและเสียงได้มากทีเดียว
  4. สายสัญญาณ HDMI ผมแนะนำว่า เผื่องบประมาณไว้มากสักหน่อยนะครับ เพราะไม่อย่างนั้น ที่ลงทุนมาอย่างมากมาย อาจจะสูญเปล่า เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็เป็นไปได้ อย่างน้อย ควรจะเริ่มต้นที่ In Akustik Excellenz HDMI รับรอง ดูหนังสนุกขึ้นอีกเยอะทีเดียว
  5. สายลำโพง คู่หน้าและ เซ็นเตอร์ ถ้าหากว่าเน้นให้เกิดความลงตัวผมแนะนำเป็น In Akustik Excellenz Silver ส่วนสายลำโพง surround ผมแนะนำว่า อย่างน้อยต้องเริ่มต้น ที่ In Akustik รุ่น Bingo Silver หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้นก็ต้องขยับขึ้นไปเป็นรุ่น Premium 2x2.5 แต่ถ้าจะให้สมบูรณ์แบบที่สุดก็ใช้ Excellenz Silver ทั้งระบบไปเลยครับ
  6. แนะนำว่าสายลำโพงทั้งหมดควรใช้งานผ่าน BANANA PLUG ของ In Akustik รุ่น BFA-BANANA เพื่อคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นและง่ายต่อการเคลื่อนย้ายหรือการถอดเข้าถอดออก บ่อยๆ
  7. เครื่องเล่น BD Player นั้น ยิ่งจะต้อง ให้ความสำคัญครับ จำพวกของแถมต่างๆ ผมว่าต้อง ลด ละ เลิก สถานเดียวครับ ไม่อย่างนั้น แก้ทุกจุด เสริมทุกตำแหน่ง แต่สุดท้าย ต้นทางไม่ดี ก็ไม่มีประโยชน์ครับ อย่างน้อยก็ต้องเริ่มที่ Pioneer เครื่องละหมื่นเป็นต้นไป
  8. Subwoofer ถ้าหากว่าจะเอาเข้าชุด แต่ขนาดห้องต้องไม่ใหญ่มาก แนะนำเป็น JAMO SUB-210 ครับแต่ถ้าห้องใหญ่ และต้องการอัพเกรดซับวูฟเฟอร์ด้วย ก็ต้อง ขยับขึ้นไปเล่นเป็น Polk PSW-110 หรือ ไม่ก็ PSW-125 ครับ

 

ชุดที่ 2 : เน้นดูหนังอย่างเมามันส์ ในราคาเบาๆ

  • Harman AVR-170 + Infinity P-253 , 163 , C251
  • อัตราส่วนดูหนัง และ ฟังเพลง (80 : 20)
 

สำหรับ ชุดนี้ เป็นอีกหนึ่งชุดหนึ่งที่ผมจะต้องแนะนำให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ชอบและรักการดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ แล้วทำไมถึงต้องเป็นชุดนี้ ? ตอบง่ายๆแบบตรงไปตรงมาเลยก็ได้ครับว่า น้ำเสียงของลำโพงและแอมป์ชุดนี้นั้นถือได้ว่า ลงตัวและเร้าใจสุดๆ เรียกได้ว่า ตูมตาม โครมคราม อย่างมีชั้นเชิง ไม่ใช่ออกแนว เสียงดังแล้วสาดเสียงใส่กันอย่างเดียว ถ้าหากว่ามองย้อนไปในเรื่องของแบรนด์สินค้านั้น ก็ต้องยอมรับครับว่า ชื่อเสียงของลำโพง Infinity นั้นโด่งดังมาอย่างยาวนาน และมีสินค้าที่สร้างชื่อเสียงประดับวงการไว้ไม่ใช่น้อย ส่วน แบรนด์ receiver ยี่ห้อ Harman Kardon ก็ไม่ได้น้อยหน้าแต่อย่างใดครับ เติบโตอย่างแข็งแรงจนตอนนี้ Harman Group นั้นขยายกิจการใหญ่โตขึ้นมาก แบรนด์สินค้าดีๆ อยู่ในมือเยอะมาก หนึ่งในนั้นก็คือ Mark Levinson ซึ่งถือได้ว่าเป็นเครื่องเสียงระดับ ไฮ-เอ็นด์เลยก็ว่าได้ แต่ที่จะเรียกว่าเป็นเรื่องบังเอิญได้ ก็เห็นจะเป็นเรื่องที่ทั้งสองแบรนด์นั้นได้ผู้นำเข้าเจ้าเดียวกันในประเทศ ไทย นั่นก็คือ บริษัท เอ็ม,ไอ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นอีกบริษัทที่การันตีในเรื่องของบริการหลังการขาย

ที่บอกว่า เป็นเรื่องบังเอิญนั้น อาจจะต้องขยายความกันสักหน่อยครับ เพราะว่า มีหลายท่านเข้าใจผิดนึกว่า สินค้าที่ทางผู้นำเข้าเป็นเจ้าเดียวกันและนำเข้ามา เมื่อใช้งานร่วมกัน แล้วจะต้องเสียงดีอย่างแน่นอน (ซึ่งในความเป็นจริง ก็มีความเป็นไปได้สูงว่า แบรนด์นั้นๆ อาจะเกิดการ miss match และทำให้คุณภาพเสียงแย่ก็เป็นได้) แต่สำหรับ Harman Kardon และ Infinity นั้นถือว่าก้าวผ่านจุดนี้ไปได้อย่างสง่างาม เพราะว่า ทั้งเรื่องแนว เสียง ดุลเสียง ความเข้ากันได้ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีทีเดียวครับ

ถ้า สังเกตจากข้อมูลด้านบน จะพบว่า ชุดนี้เน้นดูหนังมากถึง 80% มาถึงจุดนี้ หลายๆท่าน อาจจะมีคำถามว่า แล้วชุดที่ดูหนังดีๆมันเป็นอย่างไร คำตอบก็คือ ชุดเหล่านั้น ต้องพาคุณเข้าไปเสมือนว่ามีส่วนร่วมในภาพยนตร์นั้นๆ ได้เป็นอย่างดี เสียงหลัก เสียงเซ็นเตอร์ รวมถึงเสียงเอฟเฟคต่างๆ จะต้องมีความสมบูรณ์ และไม่ตีกันจนแยกแยะไม่ออก จุดเด่นของชุดนี้ คือความสดของเสียง ท่านใดที่ไม่ชอบ ก็อาจจะต้องปรับเปลี่ยนยี่ห้อลำโพงตามความเหมาะสม แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบความมันส์แบบสุดติ่งแล้วล่ะก็ ผมว่า ชุดนี้ไม่น่าพลาดครับ อ้อเกือบลืมบอกไปครับว่า ท่านใดชอบเพลง rock , pop ชุดนี้ก็ยิ่งทำให้คุณแปลงกายเป็น rocker ได้ไม่ยากครับ

Recommendation
 

  1. ถ้าหากว่า พื้นที่มีรองรับได้ แนะนำว่า ลำโพง สามารถเขยิบขึ้นเป็นรุ่นใหญ่ได้ทั้งหมดครับ ไม่ว่าจะเป็น P-363 สำหรับคู่หน้า ส่วนเซ็นเตอร์เป็นรุ่น PC-351 และเซอร์ราวนด์ เป็นรุ่น P-163 ครับ ได้อรรถรสและเนื้อเสียงขึ้นมาอีกเพียบ
  2. ซับวูฟเฟอร์ ผมแนะนำว่า ให้เข้าชุดกันสุดๆ ก็ต้องเล่นเป็น Infinity PS-212 ครับ ครบรส หนักแน่น สะท้านสะเทือนกันเลยทีเดียว แต่ว่าถ้าหากจะปรับเปลี่ยนแนวซับวูฟเฟอร์นิดหน่อย ก็อาจจะลองเปรียบเทียบกับ Boston ASW-250 ดูครับ พอฟัดพอเหวี่ยง ต่างกันที่สไตล์เท่านั้น
  3. เครื่องกรองไฟ เบื้องต้น อาจจะสตาร์ทที่ Clef Powerbridge-8 ดูครับ ป้องกันและช่วยเพิ่มศักยภาพของ system ได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าจะให้สุด แนะนำว่าเปลี่ยนสายไฟ AC ของเจ้า Clef เป็น Audioquest NRG-2 ไปด้วยทีเดียวเลยครับ
  4. สายลำโพงคู่หน้า กับ เซ็นเตอร์ แนะนำว่า ลงทุนแบบหวังผล กับ Audioquest Rocket-33 ไปเลยครับ ได้อะไรเพิ่มจากสายรุ่นเล็กๆเยอะมาก ส่วนสายเซอร์ราวนด์ แนะนำว่าตามอัธยาศัยเลยครับ ตั้งแต่รุ่น X-2 , Type-2 หรือแม้แต่ Type-4 ใช้งานได้ทั้งหมดครับ
  5. สายสัญญาณซับวูฟเฟอร์ แนะนำเป็น In-Akustik รุ่น Excellenz Sub ครับ คุมจังหวะ และ รายละเอียดได้ดีเหลือหลาย
  6. ขาตั้งลำโพงหลัง ใช้เป็นขาตั้ง 3 เสาปรับระดับใหญ่ หรือไม่ก็ Lovan Affinity 34” ก็ได้ครับ

 

ชุดที่ 3 : บร๊ะเจ้า จอร์ช นี่ราคามันถูกจริงๆใช่ไหมเนี่ย

  • Onkyo TX-NR626 + Tannoy Mercury Set (V4i +V1i + Vci)
  • อัตราส่วนดูหนัง และ ฟังเพลง (60 : 40)
 

นั่น น่ะสิครับ นี่ราคาขายของเจ้าชุดลำโพง Tannoy Mercury Set ในบ้านเรามันถูกต้องจริงๆ ใช่ไหมครับ สืบเนื่องจากถ้าใครติดตามข้อมูลข่าวสารเป็นระยะๆ จะทราบว่า เจ้าลำโพงชุดนี้ เข้ามาใหม่ๆ ราคาค่าตัวอยู่ที่ 40,000 กว่าๆ แต่ทีมงานปิยะนัส ก็ได้ต่อรองกับทางผู้นำเข้าเพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสม จนในที่สุด ราคาทั้งชุด 5 ตัวอยู่ที่ 29,900 บาทเท่านั้นครับ ถือได้ว่าราคาลงตัวมากๆ ท่านลองเชคดูในเวบไซต์ทั่วไปได้เลยครับว่า ราคาในบ้านเรานั้นถือว่าน่าซื้อหาที่สุดในโลกเลยล่ะครับ สำหรับ Tannoy

เพราะ ว่าชื่อชั้นของลำโพงแบรนด์ก็ถือได้ว่าไม่ธรรมดา เป็นลำโพงอังกฤษที่หลงเหลืออยู่ไม่กี่แบรนด์ที่ไม่เคยเปลี่ยนมือ ไปอยู่กับกลุ่มทุนชาติอื่น และเน้นที่จะพัฒนาลำโพงดีๆออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ Mercury Series นั้นถือได้ว่าเป็นโมเดลแรกสุดที่ทาง Tannoy ภูมิใจนำเสนอ โดยมีหลักการว่า คุณจะได้รับกลิ่นอายของสุดยอดเทคโนโลยี และ แนวเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ Tannoy กันอย่างเต็มที่ผ่านการถ่ายทอดโดย Mercury Series

 

ส่วน receiver ที่ผมนำมาจับคู่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ คือเจ้า Onkyo TX-NR626 พระเอกขวัญใจนักเล่น Mid end บ้านเรา โดยที่ Onkyo ถือว่ามาถูกทาง เพราะว่าจากการสัมผัสพัฒนาการจากรุ่นเดิม ถือได้ว่า มีแนวทางการพัฒนาที่ชัดเจนและไม่ละทิ้งแนวเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

โดย เจ้า 626 นี้ถือว่า อุดมไปด้วยรายละเอียด โดยเฉพาะการฟังเพลง ที่ถือได้ว่า ถ้าหากว่าฟังเพลง 2 แชนแนลปกตินั้น ถือว่าสอบผ่านแบบ 100% เลยล่ะครับ นี่ยังไม่รวมถึง ฟังก์ชั่นอื่นๆ ที่ฮอตฮิตในวงการ Hometheater เจ้า Onkyo รุ่นนี้ก็มีมาให้อย่างครบครัน ไม่ตกหล่น คู่ขวัญนี้ถึงได้มีคนกล่าวขานถึงมากที่สุดอีกชุดหนึ่ง ณ เวลานี้ครับ

 

Recommendation

  1. ซับวูฟเฟอร์ สำหรับชุดนี้ ถ้าจะให้เข้ากันดีที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้น Tannoy TS-2.10 Sub ครับ งานไม้เปียโนเงา คลาสสิค กับราคา เพียง 21,900 บาท แต่เสียงที่ได้นั้นเกินตัวไปเยอะครับ จุดเด่นอยู่ที่ความสะอาดสอ้านของเบส และ สปีดในการเก็บตัวที่อยู่ในเกณฑ์พอดี ไม่เร็วห้วน หรือ หย่อนยานจนเกินไป ในบรรดาซับวูฟเฟอร์ระดับนี้ ถ้าท่านที่เน้นดูหนังมากขึ้นอีกหน่อย คู่ต่อกรที่สมน้ำสมเนื้อก็เห็นจะเป็น Paradigm DSP-3100V2 ที่ดุดันและส่งผ่านแระประทะได้ดีกว่าครับ ทั้งสองตัว ถ้าสามารถวางบน Auralex Subdude II ได้ด้วย จะยิ่งดีเข้าไปใหญ่เลยครับ
  2. สายลำโพง มีสองกรณีนะครับ ท่านที่วางงบไว้ไม่สูงมาก และเน้นที่สายตัดแบ่ง ผมแนะนำว่าให้ใช้ JPS Superblue 2 ครับทั้งคู่หน้าและเซ็นเตอร์ ส่วนท่านใดนิยมเส้นสาย (ไม่ใช่ใต้โต๊ะนะครับ) จะเล่นให้สุด อย่างน้อย ก็ต้อง JPS Ultraconductor-2 ครับ ส่วนสายลำโพงเซอร์ราวนด์นั้น จะใช้เป็นรุ่น Superblue หรือ Superblue 2 ก็ได้ครับ สำหรับสายตัด ก็อย่าลืมเข้าหัว BANANA ให้เรียบร้อยนะครับ เพื่อความสวยงามและคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นครับ
  3. Application ของ ONKYO ถือว่าทำได้ดีมากครับ แนะนำให้โหลดมาใช้งานในการควบคุมต่างๆ อ้อ เกือบลืมไปครับ ต้องต่อสาย LAN ก่อนนะครับ ถึงจะควบคุมได้ เดี๋ยวโหลดมาแล้วใช่ไม่ได้ ผมจะเดือดร้อน 555
  4. ลำโพงคู่หลังถ้าท่านใดห้องใหญ่มากๆ ผมแนะนำว่าสามารถเปลี่ยนเป็น Mercury V4i ทั้งคู่หน้าและคู่หลังได้เลยครับ ลงตัวแบบสุดๆ
  5. วางลำโพงหน้าและหลัง อย่าลืมใส่ขายึด และ สไปค์ให้เรียบร้อยนะครับ สวยงามขึ้นและเสียงนิ่งขึ้นด้วยครับ และก่อนจะวางลงบนพื้นก็อย่าลืมหาจานรองสไปค์ดีๆ มาวางรองก่อนนะครับ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวพื้นสวยๆ ของเราจะเป็นรอยครับ
  6. ลำโพง center ถ้าหากไม่มีที่วางที่เหมาะสม การใช้ขาตั้งลำโพง center โดยเฉพาะก็ช่วยเพิ่มคุณภาพขึ้นมาได้อีกระดับหนึ่งครับ ลองมองของ Rezet ดูครับ ปรับระดับได้อีกด้วย
  7. เครื่องเล่น Bluray ผมแนะนำว่า จัด OPPO BDP-103 เข้าไปร่วมในระบบด้วยเลยครับ
  8. ถ้าเน้นดูหนังมากขึ้นอีกนิด แนะนำให้เปลี่ยน receiver เป็น Yamaha RX-V675 แต่ถ้าเน้นฟังเพลงมากสักหน่อย ไม่ต้องลังเลในการจัดวาง Marantz SR-5007 ไว้เป็นกำลังหลักได้เลยครับ

 

ชุดที่ 4 : สุภาพบุรุษจุฑาเทพ (สุภาพชนทั้งดูหนังและฟังเพลง)

  • Yamaha RX-A830 + Boston A360 + A26 + A225C
  • ดูหนัง ฟังเพลง (50 : 50)
 

ไม่ได้มาพูดถึงเหล่าคุณชายนะครับ เพียงแต่ว่า น้ำเสียงโดยรวมของชุดนี้นั้น มีความสุภาพ และสง่างามอยู่ในที ไม่มีอาการโผงผางให้หม่อมย่าได้ตำหนิติเตียนแต่อย่างใด โดยที่คุณชายทั้งห้า ประกอบไปด้วย คู่หน้า Boston A-360 , คู่หลัง Boston A-26 และ เซ็นเตอร์ Boston A-225C ซึ่งลำโพง Boston A Series นี้ถือได้ว่ามีการพัฒนาและแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างจากซีรีส์อื่นๆในอดีต ที่ผ่าน ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากการเข้าร่วมออกแบบและจูนอัพเสียง ของ Mr. Ken Ishiwata ผู้ที่รังสรรค์ Marantz หลากหลายรุ่นจนโด่งดังและมีสาวกติดตามกันทั่วโลก โดยโปรเจคนี้ทาง D&M ได้วางตัว Mr.Ken ไว้เป็นกำลังหลักในการออกแบบ โดยผมได้เคยคุยกับคุณ Ken ในงานเครื่องเสียง และได้รับข้อมูลว่า โจทย์แรกที่ Boston A Series จะต้องฝ่าไปให้ก็คือ เมื่อคุณภรรยาของนักเล่นเครื่องเสียงเห็นครั้งแรก จะต้อง โอเค และไม่ตำหนิ ในหน้าตาที่ดูโบราณ ไม่ทันสมัย ที่สำคัญคือ พร้อมให้คุณสามีจับจ่ายอย่างสบายใจ ดังนั้น ท่าานจะสังเกตได้ว่าหน้าตาของ A Series นั้นถึงได้ดูทันสมัย ด้วยตู้ที่มีความโค้งมน กอปรกับ Highgloss Finished แบบประณีตสุด ๆ ทำให้ การสอบโจทย์ข้อแรกของ A Series จึงผ่านไปได้อย่างไร้ข้อกังขา

 

ส่วนโจทย์ข้อต่อมา ก็เป็นเรื่องของคุณภาพเสียง ซึ่งโจทย์คือ ต้องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว , มีรายละเอียด และ การตอบสนองที่ดี ทั้งดูหนังและฟังเพลง ที่สำคัญคือ จะต้องสามารถตามได้ทัน กับการเล่นและ format ใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต อาทิเช่น Computer Audio ซึ่งมี resolution ที่สูงกว่า format ปกติ ซึ่งในจุดนี้ ถ้าหากว่าเป็นทีมงานทั่วๆไป น่าจะเป็นโจทย์ที่ยาก แต่สำหรับ คุณ Ken แล้วผมถือว่า น่าจะเป็นเรื่องพื้นๆ ไม่เกินความสามารถสืบเนื่องจากประสบการณ์และการฟัง ที่ “เป็นงาน” ของเขา ทำให้ น้ำเสียงและเอกลักษณ์ของ Boston A Series นั้นถูกพูดถึงในวงกว้าง ถึงขนาดที่ว่า นี่น่าจะเป็น Series ที่ดีที่สุดในระดับราคานี้ ทางที่ Boston เคยทำและนำเสนอต่อนักเล่นเครื่องเสียงทั่วโลก

 

ส่วนคำถามที่ว่าทำไมต้องเป็น Yamaha RX-A830 คำตอบก็คือ Yamaha และ Boston นั้นเข้ากันได้ดีมากๆครับ Yamaha จะช่วยเสริมมิติการฟังของ Boston ให้ดียิ่งขึ้น และยังส่งผลให้เสียงกลางต่ำนั้น แยกแยะได้ชัดเจน ไม่ล้นหรือบางจนเกินไป ส่งผลให้จุดเด่นของชุดนี้อยู่ที่ การรักษาโทนัลบาลานซ์ไว้ได้ในระดับสุดยอด ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ชุดนี้ ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในชุดยอดนิยมที่ทางทีมงานหยิบยกมาให้ท่านได้คัดสรรกัน

Recommendation

  1. เล่นระดับนี้แล้ว เครื่องเล่น BD Player ต้องลงที่ OPPO BDP-103 หรือไม่ก็ 105 เท่านั้น ตัวอื่นผมไม่แนะนำครับ ชั้นไม่ถึง พลอยจะพาลให้เสียงโดยรวมลดความสุดยอดลงไปด้วย
  2. เป็นถึงสุภาษบุรุษจุฑาเทพแล้ว คู่ครองปองขวัญก็ต้อง สมน้ำสมเนื้อกัน ดังนั้น ซับวูฟเฟอร์ ถ้าจะเข้าชุดกัน แนะนำ Boston ASW-650 ครับ ลงตัวทั้งหน้าตาและน้ำเสียง แต่ถ้าจะเน้นแบบเรียบร้อยกว่าอีกหน่อย ก็ต้องเล็งๆ Tannoy TS-2.10 ไว้เลยครับ เข้าทางกันจริงๆ
  3. นอกจากนี้เรื่องสายลำโพง ผมแนะนำ In Akustik LS-603 ทั้งคู่หน้าและเซ็นเตอร์ ส่วนสายลำโพง surround นั้นผมแนะนำ In Akustik Excellenz Silver ครับ เสริมสร้างเสน่ห์และประกายให้กับ Boston ได้เป็นอย่างดีทีเดียว
  4. ถ้าจะให้เฟี้ยวเงาะ เวลาฟังเพลง ก็อาจจะต้องเปลี่ยน Receiver จาก Yamaha ไปเป็นค่าย Onkyo หรือไม่ก็ Marantz น่าจะเหมาะสมที่สุด และการันตีได้เลยครับว่า เสียงฟังเพลงออกมาดีแน่นอน ลองหลับตาฟังแล้วทายราคาลำโพงเล่นๆ กันดูเชื่อว่าต้องมีคนหงายหลังตึงกันบ้างล่ะครับ งานนี้
  5. เวลาใช้งานจริง ก็อย่าลืมลอกพลาสติก ข้างตู้ของ Boston ออก รวมถึงจัดแจงใส่สไปค์ด้วยนะครับ มีผลต่อเสียงและความสวยงามครับ
  6. ถ้าหากห้องมีพื้นที่ไม่ใหญ่มาก คู่หน้า อาจจะปรับลดลงมาเล่นเป็น รุ่น A-250 ได้ครับ แต่เซ็นเตอร์และเซอรร์รวานด์ ถ้าเป็นไปได้ ยืมรุ่น A-225C และ A-26 ไว้น่าจะเหมาะสมครับ
  7. อนาคตเน้นฟังเพลงแบบจริงจัง มองดู Marantz CD-6004 ไว้อีกสักตัวหนึ่งครับ พร้อมกับสายสัญญาณ Analog ดีๆสักคู่ เท่านี้ก็สุขสุดๆแล้วล่ะครับ
  8. Magnet IRG-600 น่าจะได้ออกโรงแล้วครับ สำหรับชุดนี้ เพื่อเพิ่มคุณภาพและ อรรถรสในการรับฟัง รวมถึงความปลอดภัย ทำให้เจ้า Magnet นี้เป็นสิ่งจำเป็นครับ จะดีขึ้นไปอีก ถ้าหากเปลี่ยนสายไฟ AC ของเจ้าตัวนี้เป็น JPS Labs : Power AC+ ด้วยครับ อีกระดับเลยก็ว่าได้